วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การปกครองสมัยกรุงศรีอยุธยา





การปกครองสมัยกรุงศรีอยุธยา


ระบบการปกครองของอยุธยา เป็นระบบ "ราชาธิปไตย" หมายความว่า กษัตริย์มีอำนาจสูงสุดแต่ยังไม่มีการแบ่งระบบระหว่างเจ้ากับขุนนางอย่างแท้จริงเหมือนดังที่ปรากฏในสมียตอนกลางรัตนโกสินทร์


การปกครองใช้ระบบ "ศักดินา" แบ่งชั้นคนในสังคมออกเป็น เจ้า-ขุนนาง

-พระสงฆ์-ราษฎร มีการเกณฑ์แรงงาน "ไพร่" และเก็บอากร "ส่วย" เป็นผลิตผลและตัวเงิน



การปกครองสมัยอยุธยาตอนกลาง 1991 - 2231


การปกครองเริ่มตั้งแต่รัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เป็นต้นมา หลังจากที่ได้ผนวกเอาอาณาจักรสุโขทัยมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา


โดยมีลักษณะสำคัญ 2 ประการ คื


1. จัดการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง

2. แยกกิจการฝ่ายพลเรือนกับฝ่ายทหารออกจากกัน



การปกครองส่วนกลาง


สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โปรดฯ ให้มีตำแหน่งสมุหกลาโหมรับผิดชอบด้านการทหาร นอกจากนี้ยังได้ทรงตั้งหน่วยงานเพิ่มขึ้นมา อีก 2 กรม คือ

- กรมมหาดไทย มีพระยาจักรีศรีองครักษ์เป็นสมุหนายก มีฐานะเป็นอัครมหาเสนาบดี มีหน้าที่ ควบคุมกิจการพลเรือนทั่วประเทศ

- กรมกลาโหม มีพระยาเสนาเป็นสมุหกลาโหม มีฐานะเป็นอัครมหาเสนายดี มีหน้าที่ ควบคุมกิจการทหารทั่วประเทศ

- นอกจากนี้ใน 4 กรมจตุสดมภ์ที่มีอยู่แล้ว ทรงให้มีการปรับปรุงเสียใหม่ โดยตั้งเสนาบดีขึ้นมาควบคุมและรับผิดชอบในแต่ละกรมคือ

กรมเมือง(เวียง) มีนครบาลเป็นเสนาบดี

กรมวัง มีพระธรรมาธิกรณ์เป็นเสนาบดี

กรมคลัง มีพระโกษาธิบดีเป็นเสนาบดี

กรมนา มีพระเกษตราธิการเป็นเสนาบดี




ระบบกฎหมายสมัยกรุงศรีอยุธยาลักษณะการตั้งกฎหมายในตอนแรกๆ นั้นทำเป็นหมายประกาศอย่างละเอียด ขึ้นต้นบอกวัน เดือน ปี ที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน ใครเป็นผู้กราบบังคมทูลคดีอันเป็นเหตุให้ตรากฎหมาย พระเจ้าแผ่นดินยืดยาวเกินไป จึงตัดข้อความที่ไม่ต้องการออก แต่ต่อๆ มา กฎหมายมีมากขึ้น ก็ยากแก่การค้นห้า จึงตัดข้อความลงอีก ซึ่งพราหมณ์ชาวอินเดียเป็นผู้นำมาสอนให้ทำ อนุโลมตามแบบพระมนูธรรมศาสตร์ อันเป็นหลักกฎหมายของอินเดีย เช่น ลักษณะโจร ลักษณะผัวเมียกฎหมายสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)ในระหว่าง พ.ศ. 1894-1910 ได้มีการพิจารณาตรากฎหมายขึ้นทั้งหมด 10 ฉบับ คือ 1. กฎหมายลักษณะพยาน พ.ศ. 1894 2. กฎหมายลักษณะอาญาหลวง พ.ศ. 1895 3. กฎหมายลักษณะรับฟ้อง พ.ศ. 1899 4. กฎหมายลักษณะลักพา พ.ศ. 1899 5. กฎหมายลักษณะอาญาราษฎร์ พ.ศ. 1901 6. กฎหมายลักษณะโจร พ.ศ. 1903 7. กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จว่าด้วยที่ดิน พ.ศ. 1903 8. กฎหมายลักษณะผัวเมีย พ.ศ. 1904 9. กฎหมายลักษณะผัวเมีย(เพิ่มเติม) พ.ศ. 1905 10. กฎหมายลักษณะโจรว่าด้วยสมโจร พ.ศ. 1910


.....................................................................................................

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การปกครองสมัยกรุงสุโขทัย



การปกครองสมัยสุโขทัย



อาณาจักรสุโขทัยเมื่อแรกตั้งเป็นอาณาจักรเล็กๆสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดคือสมัยพ่อขุนรามคำแหง มหาราชมีอาณาเขตทิศเหนือจรดเมืองลำพูน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือจรดเทือกเขาดงพญาเย็น และภูเขาพนมดงรักทิศตะวันตกจรดเมืองหงศาวดี ทางใต้จรดแหลมมลายู มีกษัตริย์ปกครองเป็นเอกราชติดต่อกันมา 6 พระองค์อาณาจักรสุโขทัย เสื่อมลงและตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยาเมื่อสมัยพญาไสลือไท โดยทำสงครามปราชัยแก่ พระบรมราชาที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยาในปีพ.ศ.1921 และราชวงศ์พระร่วงยังคงปกครองในฐานะประเทศราชติตต่อกันมาอีก 2 พระองค์ จนสิ้นราชวงศ์ พ.ศ.1981


ลักษณะการปกครองของสมัยสุโขทัย


ลักษณะการปกครองของสมัยสุโขทัย เป็นการปกครองแบบบิดาปกครองบุตรหรือการปกครองคนในครอบครัว (Paternalism) คือพระมหากษัตริย์เป็นเสมือนพ่อหรือข้าราชการบริพารเปรียบเสมือนลูกหรือคนในครอบครัวทำการปกครองลดหลั่นกันไปตามลำดับ ศาสตราจารย์ James N. Mosel ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการปกครองของไทยในสมัยกรุงสุโขทัยไว้ว่ามีลักษณะสำคัญ 2 ประการคือ มีลักษณะเป็นการปกครองแบบพ่อปกครองลูกกับการดำเนินการปกครองแบบหัวเมืองขึ้น มีลักษณะคล้ายเจ้าผู้ครองนครกับยังได้ย้ำว่า การปกครองแบบหัวเมือง หรือเจ้าผู้ครองของไทย แตกต่างกับระบบเจ้าผู้ครองนครของยุโรปอย่างไรก็ดี สำหรับการปกครองแบบบิดากับบุตรนี้ในปาฐกถาของ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เรื่องลักษณะการปกครองประเทศสยาม แต่โบราณได้อธิบายไว้ว่าวิธีการปกครองในสมัยสุโขทัยนั้น นับถือพระเจ้าแผ่นดินอย่างบิดาของประชาชนทั้งปวงวิธีการปกครองเอาลักษณะการปกครองสกุลมาเป็นคติ เป็นต้น บิดาปกครองครัวเรือนหลายครัวเรือนรวมกันเป็นบ้านอยู่ในปกครองของพ่อบ้าน ผู้อยู่ในปกครอง เรียกว่า ลูกบ้าน หลายบ้านรวมกันเป็นเมืองถ้าเป็นเมืองขึ้นอยู่ในความปกครองของพ่อเมือง ถ้าเป็นประเทศราชเจ้าเมืองเป็นขุนหลายเมืองรวมกันเป็นประเทศที่อยู่ในความปกครองของพ่อขุน ข้าราชการในตำแหน่งต่าง ๆ เรียกว่าลูกขุน วิธีการปกครองของไทยเป็นอย่างบิดาปกครองบุตรยังใช้หลักในการปกครองประเทศไทยมา จนเปลี่ยนแปลงการปกครอง คำว่าปกครองแบบพ่อปกครองลูกนี้มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อจิตใจของคนไทยเป็นอย่างยิ่ง พระเจ้าแผ่นดินสมัยสุโขทัยตอนต้น ประชาชนมักใช้คำแทนตัวท่านว่าพ่อขุน จนเมื่ออิทธิพลของขอมเข้ามาแทรกแซงก็ได้เปลี่ยนไปใช้คำว่าพระยาเสียทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับกษัตริย์ ซึ่งเดิมเปรียบเสมือนพ่อกับลูกได้กลายสภาพเป็นข้ากับเจ้าบ่าวกับนายไป
การปกครองระบบบิดากับบุตรนี้พระมหากษัตริย์ในฐานะบิดา ทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาดถ้าได้พิจารณาถ่องแท้แล้วก็จะเห็นว่าถ้าผู้ปกครองประเทศคือ พระมหากษัตริย์ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ราษฎรเสมือนหนึ่งบุตรประชาชนก็ย่อมจะได้รับความผาสุกแต่ถ้าการปกครองดังกล่าวมีลักษณะเป็นข้ากับเจ้าบ่าวกับนายสวัสดิภาพของประชาชนในสมัยนั้นก็น่าจะไม่มีความหมายอะไร อย่างไรก็ดีการที่จะใช้ระบบการปกครองอย่างใดจึงเหมาะสมนั้นนอกจากขึ้นอยู่กับภาวะการณ์ต่างๆในแต่ละสมัยแล้วการเลือกใช้วิธีการปกครองระบบบิดากับบุตรในสมัยนั้นน่าจะถือเอาการปกครองประเทศเป็นนโยบายสำคัญ
การปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น ความสำเร็จบรรลุอุดมการณ์ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงหลายประการ ตราบใดที่ประชาชนในยุคประชาธิปไตยยังรำลึกว่าตนอยู่ในฐานะบุตรที่ผู้ปกครองในฐานะบิดาจะต้องโอบอุ้มตลอดไปบุตรคือประชาชนก็จะขาดความรับผิดชอบละขาดความสำนึกในทางการเมืองที่จะปลูกฝังและเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยได้เช่นกัน หากผู้ปกครองต้องอยู่ในฐานะบิดาที่คอยโอบอุ้มและกำหนดความต้องการของประชาชนในฐานะบุตรแล้ว ความเป็นประชาธิปไตยที่จะให้บรรลุอุดมการณ์แท้จริงก็เป็นสิ่งที่หวังได้โดยยาก

.............................................................................................................................................

แบบทดสอบ เรื่องการปกครองสมัย สุโขทัย
1. อาณาจักรสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยกษัตริย์พระองค์ใด
ก. พ่อขุนเม็งราย
ข. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
ค. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ง. พ่อขุนบานเมือง

2. เมืองที่ใช้เวลาเดินเท้า 2 วัน มีความสำคัญด้านยุทธศาสตร์ กษัตริย์ส่งพระบรมวงศานุวงศ์ไปปกครองคือเมืองใด
ก. เมืองพระยามหานคร
ข. เมืองประเทศราช
ค. เมืองราชธานี
ง. เมืองลูกหลวง

3. สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงเปิดโอกาศให้ราษฎรสั่นกระดิ่งได้ เนื่องจากเหตุผลใด
ก. ราษฎรเกิดเรื่องทุกข์ร้อน
ข. เป็นความเชื่อทางศาสนา
ค. ราษฎรเกิดการเจ็บป่วย
ง. เมือนำของมาถวายพ่อขุน

4. ฐานะและพระราชอำนาจชองพระมหากษัตริย์สุโขทัย ทรงเป็นอะไรกับประชาชน
ก. กษัตริย์
ข. เจ้าชีวิต
ค. พ่อ
ง. ผู้ปกครอง

5. อาณารจักรสุโขทัยเสื่อมลงและตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยาในสมัยพระมหากษัตริย์พระองค์ใด
ก. พญาลือไท
ข. พญาไสลือไท
ค. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาท
ง. พญาลิไท

6. คำพูดที่ว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" แสดงให้เห็นว่ากรุงสุโขทัยมีลักษณะเช่นใด
ก. ขาดแคลน
ข. ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย
ค. บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์
ง. อาหารอร่อย

7. หัวเมืองชั้นใน หรือ เมืองลูกหลวง ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือคือเมืองใด
ก. เมืองตะนาวศรี
ข. เมืองศรีสัชชนาลัย
ค. เมืองสองแคว
ง. เมืองสุพรรณบุรี

8. อาณาจักรสุโขทัยมีกษัตริย์ปกครองเป็นเอกราชกี่พระองค์
ก. 5 พระองค์
ข. 6 พระองค์
ค. 7 พระองค์
ง. 8 พระองค์

9. การปกครองในสมัยสุโขทัยตอนปลายมีลักษณะเป็นแบบใด
ก. ธรรมราชา
ข. เผด็จการ
ค. ประชาธิปไตย
ง. ปิตุลาธิปไตย

10. พ่อขุนในสมัยกรุงสุโขทัยจะว่าราชการที่ใด
ก. ศาลากลางกรุงสุโขทัย
ข. ท้องพระโรงกลางดงตาล
ค. ท้องพระโรงในพระราชวัง
ง. พระแท่นมนังคศิลากลางดงตาล
.........................................................................

เฉลยแบบทดสอบ เรื่อง การปกครองสมัยสุโขทัยเป็นอยธยา
1. ค. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
2. ง. เมืองลูกหลวง
3. ก. ราษฎรเกิดเรื่องทุกข์ร้อน
4. ค. พ่อ
5. ข. พญาไสลือไท
6. ค. บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์
7. ข. เมืองศรีสัชชนาลัย
8. ข. 6 พระองค์
9. ก. ธรรมราชา
10. ง. พระแท่นมนังคศิลากลางดงตาล