
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475
ท่องมากันตั้งแต่เด็กๆ วันที่ 24 มิถุนายน 2475 คือวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข มาวันนี้ครบ 78 ปีแล้ว ถ้าเป็นคนก็แก่ชราเต็มที แต่ประชาธิปไตยไทยกลับยังเป็นทารกที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากนัก ความล้มเหลวในการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยเกิดจากสารพัดสาเหตุ ยุคแรกของการมีรัฐธรรมนูญ มีการพูดในเชิงเหน็บแนมกันว่า รัฐธรรมนูญคือ ลูกชายคนโตของพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศ มาปัจจุบันก็ยังมีความเชื่อผิดๆ ว่าประชาธิปไตยคือ การเลือกตั้ง เมื่อประเทศมีการเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่องก็แสดงว่าประเทศไทยมีประชาธิปไตย ได้พัฒนามาสู่การผูกขาดประชาธิปไตยโดยประชาชนแบ่งแยกกันเป็นกลุ่มๆ มองประชาธิปไตยในส่วนที่เป็นประโยชน์เฉพาะกลุ่มของตน ประชาชนแต่ละกลุ่มมีนิยามประชาธิปไตยไม่เหมือนกัน บางกลุ่มมองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นระบอบอำมาตย์ สร้างความเกลียดชังทางชนชั้นโดยไม่สนใจบาดแผลทางสังคมที่จะตามมา บางฝ่ายมองว่าระบอบที่เราใช้ปกครองกันอยู่คือ ระบอบประชาธิปไตยทุนนิยมซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างใหญ่หลวงอย่างที่ระบอบทักษิณเคยย่ำยี โดยสรุปแล้วจิตสำนึกด้านประชาธิปไตยของคนไทยยังพัฒนาไปไม่ไกลนัก เพราะเราขาดการให้ความรู้ที่ถูกต้องมาอย่างยาวนาน จนถึงทุกวันนี้เรายังได้ยินคำว่า เงินไม่มากาไม่เป็น ที่ได้กลายเป็นวิถีของประชาชนในชนบท นักการเมืองใช้ความซื่อและความขี้เกรงใจที่เป็นจุดอ่อนของประชาชนก้าวขึ้นสู่อำนาจ เราถึงได้ผู้แทนราษฎรที่มีค่าเฉลี่ยของคุณภาพในระดับที่ต่ำ กลับมีการทุจริตคอรัปชั่นในทุกระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วงว่าประเทศอาจล่มสลายไปได้ หาใช่แค่ช่วงเวลาครบรอบ 78 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่เรามาพูดเรื่องการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประชาธิปไตยใหม่ หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 และ 6 ตุลา 19 รวมทั้งพฤษภาทมิฬ 35 มีการพูดเรื่องเดียวกันนี้มาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไปไม่ถึงไหน เพราะนอกจากนักการเมืองจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยแล้ว กองทัพก็เป็นอีกสถาบันที่คอยฉุดดึงไม่ให้ประชาธิปไตยไทยเดินไปข้างหน้าได้อย่างที่ควรจะเป็น แม้ปัจจุบันกองทัพจะลดบทบาทไปมากแต่โดยเนื้อแท้ก็ยังคงอยู่ และไม่มีใครยืนยันได้ว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นอีก ความวิตกกังวลทั้งในบทบาทของนักการเมืองและทหารที่มีต่อระบอบประชาธิปไตยนั้น เป็นที่มาของการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประเทศไทย ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่บงการด้วยกลุ่มทุน วันนี้เป็นโอกาสที่ประเทศไทยควรไขว่คว้ากระบวนการปฏิรูปประเทศไทยที่นายอานันท์ ปันยารชุน และ นพ.ประเวศ วะสี นำทัพ หลังจากนี้อาจหาโอกาสที่เหมาะเจาะเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว แม้จะมีเสียงคัดค้านบ้างก็ควรรับฟังเพราะทุกงานที่ทำย่อมมีเสียงวิจารณ์ตามมา โดยเฉพาะงานใหญ่ๆ หากไร้เสียงวิจารณ์จะสร้างความแข็งแกร่งได้อย่างไร นี่คือโอกาสทอง ควรพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส อย่าใช้โอกาสที่มีไปสร้างวิกฤติไม่รู้จบ.
..........งานชิ้นที่ 7 ..........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น